รูปแบบการเงินเพื่อจัดการบ้านมือสอง

การขอสินเชื่อเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการซื้อบ้านมือสอง แต่ก่อนอื่นคุณคงต้องมาทำความเข้าใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย เพราะจากนี้ไปมันจะเข้ามามีบทบาทในชีวิตของคุณแล้ว โดยทั่วไปสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารจะมีรูปแบบการคิดอัตราดอกเบี้ยอยู่ 3 วิธีด้วยกัน คือ อัตราดอกเบี้ยลอยตัวตลอดสัญญากู้ อัตราดอกเบี้ยแบบนี้จะขึ้นลงตามตลาด มีตั้งแต่อัตรา 7-9% ประเภทที่ 2 คืออัตราดอกเบี้ยคงที่ จะไม่ขยับอัตราตลอดอายุสัญญา ส่วนใหญ่จะอยู่ในอัตรา 5.5-6.5% และสุดท้ายคืออัตราดอกเบี้ยแบบผสม กำหนดให้ช่วง 1-3 ปีแรกจะคงตัวหลังจากนั้นก็จะปล่อยตัวเป็นแบบลอยตัว โดยธนาคารจะให้คุณกู้ไม่เกินวงเงิน 80% ของราคาประเมินและไม่เกิน 80% ของราคาซื้อ-ขาย

ส่วนกรณีถ้าคุณขออนุมัติเงินกู้เพื่อซื้ออาคารพาณิชย์นั้น คุณจะได้เงินกู้ไม่เกิน 70% ของราคาประเมินและไม่เกิน 70% ของราคาซื้อ-ขาย นอกจากนี้คุณสามารถกู้ได้ไม่เกิน 30-35 เท่าของเงินเดือนผู้กู้และอีก 15 เท่าของรายได้อื่นๆ หรือไม่เกิน 20 เท่าสำหรับคนที่ประกอบอาชีพอิสระ ธนาคารจะให้ระยะเวลาการกู้บ้านมือสองสูงสุดแค่ 30 ปีเท่านั้น แต่อายุของผู้กู้เมื่อรวมกับระยะเวลาการกู้ต้องไม่เกิน 70 ปี ประเด็นใหญ่ที่คุณต้องมองก่อนที่จะตัดสินใจเลือกระยะเวลาการกู้ก็คือความสามารถในการจ่ายค่างวดของคุณ สำหรับการกู้ระยะเวลาน้อยจะทำให้คุณสามารถปลดหนี้ได้โดยไว แต่ค่างวดก็จะสูง ในกรณีที่คุณต้องการเงินกู้วงเงินสูงแต่ความสามารถในการผ่อนชำระบ้านมือสองต่ำ คุณควรขยายระยะเวลากู้ให้มากขึ้นอาจจะเป็น 25-30 ปีเพราะวงเงินกู้เท่ากัน ดอกเบี้ยเท่ากัน ระยะเวลาผ่อนนานเท่าไหร่ เงินค่างวดก็น้อยลงเท่านั้น

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณต้องวางแผนการเงินในระยะยาวด้วย ถ้าความสามารถชำระเงินตอนนี้ยังสบาย แต่คุณเล็งเห็นว่าอีกปี 2 ปีจะไม่เป็นเช่นนั้นเพราะคุณอาจจะมีภาระที่มากขึ้น เช่น การมีบุตร เป็นต้น เพื่อความสบายใจคุณอาจจะเลือกระยะเวลากู้บ้านมือสองนานที่สุดเป็น 25-30 ปีก็ได้ แล้วหลังจากนั้นถ้าครอบครัวของคุณมีรายได้เพิ่มขึ้น ก็สามารถถอนชำระเงินงวดเพิ่มขึ้นจากที่กำหนดเดิมไว้ก็ได้ โดยทั่วไปแล้วผู้กู้ส่วนใหญ่มักจะเลือกระยะเวลาการกู้ที่ตัวเลข 15-20 ปี จำนวนผู้กู้ที่เลือกระยะเวลาการกู้ 25-30 ปีมีค่อนข้างน้อย ซึ่งก็ต้องวางแผนการเงินให้ดี ๆ คำนึงถึงความสามารถด้านการเงินไว้เป็นหลัก